1. การที่เลือกใช้คอมพิวเตอร์ PIPO เพราะมีไลเซ่นของ Windows 10 แบบ OEM มากับตัวเครื่องซึ่งถูกต้องตามกฏหมาย, มีหน้าจอแบบสัมผัส, มีเน็ตเวิร์กแบบ WiFi มากับตัวเครื่อง ซึ่งสะดวกต่อการใช้งาน, ประสิทธิภาพของเครื่องรองรับ miniZAP ได้เป็นอย่างดี, ราคาราว 5,000 บาท ที่ผู้อยากเริ่มมาขายของ ไม่ต้องรับภาระหนักจนเกินไป ซึ่งถ้าเทียบกับ Ocha ที่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ที่ 20,000 บาทขึ้นไป อีกทั้งยังมีค่ารายเดือนอีกต่างหาก miniZAP ซึ่งจะทำแจกให้ฟรี และใช้ได้ตลอดไป น่าจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
2. ส่วนเครื่องพิมพ์ ก็ใช้เครื่องพิมพ์สลิปทั่วไป ที่หาได้ง่ายตาม Lazada หรือ Shopee ราคา 500 บาท จากการทดสอบจริง ก็ใช้งานได้ดี เอาไว้ใช้พิมพ์สลิปใบเสร็จ และใบสั่งอาหารเพื่อที่จะส่งต่อให้ห้องครัว (โดย miniZAP จะแก้ไขจุดอ่อนของ miniCoffee ในส่วนการรับออเดอร์ของห้องครัว เนื่องจากในห้องครัวไม่ดวกต่อการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ดังนั้นการกลับไปใช้ระบบกระดาษเสียบแบบเก่า จะตอบโจทย์มากกว่า ซึ่ง miniZAP จะต้องเปลี่ยนวิธีตัดสต๊อกวัตถุดิบที่ฉลาดขึ้นกว่าเดิม โดยจะกลับมาใช้วิธีตัดสต๊อกอัตโนมัติ ตามการผูกสูตรอาหาร เช่น ผัดกะเพรา มีสูตร ใช้ไข่ 1 ฟอง / ข้าว 0.05 kg / หมู 0.01 kg ถ้าลูกค้าสั่งไป 100 ชุด วัตถุดิบจะถูกตัดออกจากสต๊อกดังนี้ ตัดสต๊อกไข่ออกไป 100 ฟอง / ข้าว 5 kg / หมู 1 kg)
3. ในส่วนของโทรศัพท์มือถือ จะเอาไว้ิติดตามยอดขายแบบเรียลไทม์ เมื่ออยู่นอกร้าน เช่น เดินทาง, ไปท่องเที่ยว, อยู่ในออฟฟิคบริษัท ก็จะเห็นว่าขายอะไรได้บ้างแล้ว เสมือนว่านั่งดูแลอยู่ที่ร้าน ยิ่งถ้ามีร้านหลายสาขา ก็จะสะดวกมากขึ้น แต่ส่วนนี้จะเป็นแค่ optional คือมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่มีผลอะไรต่อระบบ ส่วนนี้ทำงานอยู่บนพื้นฐานอยู่บนระบบ cloud ที่ทีมของเรายังออกเงินค่าเช่า host อยู่ (เมื่อใดที่เราหมดกำลังที่รับค่าใช้จ่ายนี้ features ส่วนนี้ก็ไม่สามารถใช้งานได้ จึงต้องแจ้งให้ทราบตั้งแต่เนิ่นๆ)
|